เมนู

วรรคที่ 4


คิหิสส อรหาติกถา


[867] สกวาที คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว.
ส. คิหิสัญโญชน์ของพระอรหันต์ยังมีอยู่ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
ส. คิหิสัญโญชน์ของพระอรหันต์ไม่มี หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า คิหิสัญโญชน์ของพระอรหันต์ไม่มี ก็
ต้องไม่กล่าวว่า คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้.
[868] ส. คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. คิหิสัญโญชน์อันพระอรหันต์ละขาดแล้ว ถอน
รากขึ้นแล้ว ทำให้เป็นดุจตาลยอดด้วน ทำให้ไม่เกิดได้ในภายหลัง
ทำให้มีอันไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดาแล้ว มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า คิหิสัญโญชน์อันพระอรหันต์ละขาดแล้ว
ถอนรากขึ้นแล้ว ทำให้เป็นดุจตาลยอดด้วน ทำให้ไม่เกิดได้ในภายหลัง
ทำให้มีอันไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดาแล้ว ก็ต้องไม่กล่าวว่า คฤหัสถ์
พึงเป็นพระอรหันต์ได้.

[869] ส. คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. คฤหัสถ์ไร ฯ ที่ยังมิได้ละคิหิสัญโญชน์แล้วเป็น
ผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ในปัจจุบันเทียวมีอยู่
ป. ไม่มี.
ส. หากว่า คฤหัสถ์ไร ๆ ที่ยังมิได้ละคิหิสัญโญชน์
แล้วเป็นผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์ในปัจจุบันเทียวไม่มี ก็ต้องไม่กล่าวว่า
คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้ดังนี้.
[870] ส. คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. ปริพาชก ผู้วัจฉโคตร ได้กราบทูลพระผู้มี-
พระภาคเจ้าว่าดังนี้ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ คฤหัสถ์ไร ๆ ที่ยัง
มิได้ละคิหิสูญโญชน์แล้วเป็นผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ เพราะ
กายแตกมีอยู่หรือหนอ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อน
วัจฉะ ไม่มีคฤหัสถ์ไร ๆ ที่ยังมิได้ละได้หิสัญโญชน์แล้วเป็นผู้
กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้เพราะกายแตก
ดังนี้1 เป็นสูตรมีอยู่จริง
มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
1. ม.ม. 13/243

ส. ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่พึงกล่าวว่า คฤหัสถ์พึงเป็น
พระอรหันต์ได้ดังนี้.
[871] ส. คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. พระอรหันต์ทรงเสพเมถุนธรรม พึงยังเมถุน-
ธรรมให้เกิดขึ้น พึงนอนที่นอนอันคับแคบด้วยบุตร พึงใช้ผ้ากาสิกและ
จุรณจันทน์ พึงทัดทรงดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้ พึงยินดีเงินทอง
พึงรับแพะ แกะ ไก่ สุกร พึงรับช้าง วัว ม้า ลา พึงรับนกกระทา
นกคุ่ม และหางนกยูง พึงทรงเกี้ยว คือ เครื่องประดับมวยผม มีขั้ว
อันเหลือง พึงทรงผ้าขาวมีชายยาว พึงเป็นผู้ครองเรือนตลอดชีวิต หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯ ล ฯ
[872] ป. ไม่พึงกล่าวว่า คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้
หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ยสกุลบุตร อุตติยคฤหบดี เสตุมาณพ ได้บรรลุ
พระอรหัตทั้งเพศคฤหัสถ์ มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า ยสกุลบุตร อุตติยคฤหบดี เสตุมาณพ
ได้บรรลุพระอรหัตทั้งเพศคฤหัสถ์ ด้วยเหตุนั้นนะท่านจึงต้องกล่าวว่า
คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้.
คิหิสส อรหาติกถา จบ

อรรถกถาคิหิสส1 อรหาติกถา


ว่าด้วยคฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้


บัดนี้ ชื่อว่า เรื่องคฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้. ในเรื่องนั้น
ชนเหล่าใดมีความเห็นผิด ดุจลัทธิของนิกายอุตตราปถกะทั้งหลายว่า
คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะเห็นความเกิดขึ้นแห่งพระอรหันต์
ของชนทั้งหลายมีพระยส กุลบุตร เป็นต้น ผู้ดำรงอยู่ในเพศของ
คฤหัสถ์ ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชนเหล่านั้น. บรรดาคำเหล่านั้น
คำว่า คิหิสฺส อธิบายว่า ผู้ใดชื่อว่า คฤหัสถ์ เพราะประกอบ
พร้อมแล้วด้วยสัญโญชน์ของคฤหัสถ์ ผู้นั้น พึงเป็นพระอรหันต์ได้
หรือ ? ส่วนปรวาทีไม่รู้ความประสงค์ เมื่อเห็นอยู่ซึ่งสักว่าเพศคฤหัสถ์
เท่านั้น จึงตอบรับรองว่า ใช่. บัดนี้สกวาทีจึงเริ่มคำว่า คิหิสัญโญชน์
ของพระอรหันต์ยังมีอยู่หรือ
เป็นต้น เพื่อแสดงนัยนี้ว่า ชื่อว่าพึง
เป็นคฤหัสถ์ ย่อมเป็นด้วยสัญโญชน์ของคฤหัสถ์ มิใช่เป็นคฤหัสถ์ด้วย
สักแต่เพศ เหมือนคำทีพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า :-
แม้หากว่า ผู้ใดมีธรรมอันประดับแล้ว
สงบแล้ว มีตนฝึกแล้ว เป็นผู้เที่ยง เป็น
พรหมจารี ละอาชญาในสัตว์ทั้งปวงแล้ว พึง
1. ข้อนี้แยกบทว่า คิหิ อสฺส อรหา แปลว่า คฤหัสถ์พึงเป็นพระอรหันต์
อีกอย่างหนึ่ง แปลว่า พระอรหันต์พึงเป็นคฤหัสถ์ ดังนี้ก็ได้.